ในเรื่องรูปร่าง มีคนประเภทสุดโต่งอยู่ 2 แบบ แบบแรกอ้วนยังไงก็ไม่ยอมรับ คิดว่าตัวเองค่อนข้างอวบน่ารัก อีกแบบคือ หุ่นดีแล้วแต่ก็คิดว่าตัวเองยังอ้วนอยู่นั่นแหละ แต่ถ้าไม่ได้เป็นคน 2 แบบที่ว่ามา ก็ค่อนข้างโชคดีที่ท่านเป็นคนที่พอใจในรูปร่างตนเอง หรือไม่ก็ยังงงๆ อยู่ว่าตูอ้วนหรือเปล่าหว่า
เกณฑ์วัดความอ้วน
มีเกณฑ์วัดหลายแบบ แต่ผมเลือกแบบมาตรฐานง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และไม่เป็นวิชาการจนเกินไป เอามาให้ใช้ 4 แบบ ครับ1. เปรียบเทียบ น้ำหนัก กับ ความสูง
- เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ก็ใช้บอกได้อย่างหยาบๆ แค่นั้นครับ
- น้ำหนักตัวที่เหมาะสม(ชาย) = ความสูง(ซม.) - 100
- น้ำหนักตัวที่เหมาะสม(หญิง) = ความสูง(ซม.) - 110
- ถ้า น้ำหนักตัวเรา มากกว่า ค่าน้ำหนักที่เหมาะสม หมายความว่า อ้วน ครับ
2. ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI)
- มีวิธีคิด คือ BMI = น้ำหนัก (กก.) / ส่วนสูง (ม.) / ส่วนสูง (ม.)
- เช่น คนที่มีน้ำหนัก 64 กก. สูง 165 ซม.(1.65 ม.) จะมีค่า BMI = 64/1.65/1.65 = 23.5
- ไม่ต้องกดเครื่องคิดเลขนะครับ คลิ๊กป้อนน้ำหนัก ความสูง ที่นี่ได้เลยครับ
- การแปรผล
- BMI < 18 ผอม
- BMI 18.5 -22.9 รูปร่างปกติ **
- BMI 23-24.9 ค่อนข้างอ้วน
- BMI 25-29.9 อ้วนระดับ1
- BMI > 30 อ้วนระดับ2
3. วัดเส้นรอบเอว และ สะโพก
- เส้นรอบเอว วัดตรงใต้ชายโครง เหนือกระดูกสะโพก
- ชาย > 36 นิ้ว ถือว่า อ้วนลงพุง
- หญิง > 32 นิ้ว ถือว่า อ้วนลงพุง
- เส้นรอบสะโพก เอาตรงที่ได้ค่ามากที่สุด
- เอา เส้นรอบเอว หารด้วย เส้นรอบสะโพก
- ชาย > 1 ถือว่า อ้วนลงพุง
- หญิง > 0.8 ถือว่า อ้วนลงพุง
4. การวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
- คำนวนมากขึ้นนิด แต่มีประสิทธิภาพสูงในการติดตามการลดความอ้วน
- % ไขมันในร่างกาย(ชาย) = ( 1.2 x BMI)+(0.23 x อายุเป็นปี)- 16.2
- ถ้า % ไขมันในร่างกาย > 20% ถือว่าอ้วน
- % ไขมันในร่างกาย(หญิง) = ( 1.2 x BMI)+(0.23 x อายุเป็นปี)- 5.4
- ถ้า % ไขมันในร่างกาย > 30% ถือว่าอ้วน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น