อย่าให้ "รสเค็ม" เป็นรสชาติประจำชาติ
"คนไทยกินเค็มกันจัง น้ำจิ้มก็เยอะ เค็มๆ ทั้งนั้น" เพื่อนต่างชาติเปรยขึ้นมาตอนพากันไปกินร้านปิ้งย่าง ว่าจะเถียงมันว่า "ไม่ใช่คนไทยทุกคนหรอก" แต่พอเหลียวไปดูโต๊ะอื่นๆ ถ้วยน้ำจิ้มมากมาย เต็มไปหมด เลยต้องเอามาคิดเป็นการบ้าน ว่าจริงหรือเปล่า(ฟะ) ที่เขาว่า
ลดเค็ม ลดโรค
- ความเค็ม เป็นความรู้สึกที่เรารับรู้ได้จากตุ่มรับรสที่ลิ้น
ซึ่งแต่ละคนก็จะรู้สึกถึงความเค็มได้ไม่เท่ากัน
- สิ่งที่มากับความเค็ม คือ โซเดียม (Sodium) ซึ่งเป็นสารจำเป็นสำหรับร่างกายเรา
ทำหน้าที่ในการควบคุมความสมดุลของของเหลวในร่างกาย
รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยในการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ ฯลฯ
- ร่างกายเราขาดโซเดียมไม่ได้
แต่ก็ไม่ได้ต้องการมากจนเกินไป ร่างกายเรามีความสามารถรับโซเดียมได้ประมาณ
2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เท่านั้น
- เวลาที่เรากินอาหารเค็มมากๆ มักจะทำให้กระหายน้ำมากขึ้น เพราะโซเดียมดึงน้ำเข้ามาในหลอดเลือด
ยิ่งได้รับโซเดียมมาก ก็ยิ่งดึงน้ำเข้ามามาก
ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในร่างกายมากขึ้น
น้ำเลือดก็มากขึ้น(แต่หลอดเลือดกว้างเท่าเดิม) ทำให้ ความดันโลหิตสูง ถ้าสูงมากๆ
เส้นเลือดอาจแตก หรือฉีกขาดได้เลยครับ อันตรายมาก
- เมื่อได้รับโซเดียมมากๆ บ่อยๆ
ไต ซึ่งทำหน้าที่ขับโซเดียมออกจากร่างกายก็ต้องทำงานหนัก
อีกทั้งโซเดียมเป็นตัวเร่งการทำลายเส้นเลือดอยู่ด้วย
พอเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไตถูกทำลายมากๆ ก็จะเร่งให้เกิดไตวายเรื้อรัง
ในที่สุดก็ต้องไปนอนฟอกไต
ปริมาณโซเดียมในอาหาร
- เกลือ 1 ช้อนชา มีโซเดียม 2,000 มิลลิกรัม
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 1,160-1,420
มิลลิกรัม
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 1,150
มิลลิกรัม
- ซีอิ๊ว 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 960-1,420
มิลลิกรัม
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 420-490
มิลลิกรัม
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 1,430-1,490
มิลลิกรัม
- นอกจากนี้เรายังได้รับ โซเดียม ที่
แฝงอยู่ในอาหาร ทั้งที่เค็มและไม่เค็ม ด้วย เช่น อาหารแปรรูป ผงชูรส ซุปก้อน อาหารกึ่งสำเร็จรูป
อาหารถุงปรุงสำเร็จ ขนมกรุบกรอบ ขนมที่ใช้ผงฟู ฯลฯ
มาลดโซเดียมกัน
- ตั้งเป้า ค่อยๆลดปริมาณความเค็มลงทีละ 5-10%
ทีละนิด จนเหลือ 50% อาจใช้เวลา 5-6เดิอน ให้สมองค่อยๆ ปรับความเคยชิน
จนเรากินได้อร่อยเหมือนเดิม แต่ได้รับโซเดียมลดลง
- ไม่ปรุงเพิ่ม ในการกินอาหารนอกบ้าน
คนปรุงเขาประโคม น้ำปลา น้ำตาล ผงชูรส มาให้เยอะอยู่แล้วครับ
- ลดหวาน อันนี้อาจดูแปลกไม่น่าเกี่ยว
แต่ก็เกี่ยวครับเพราะพอเราหวานเลี่ยน ร่างกายมักจะเรียกร้องรสเค็มมาตัด
ดังนั้นการลดหวานก็ช่วยลดเค็มได้อีกทางครับ
- อ่านฉลาก อาหารที่มีฉลากกำกับ
จะแสดงปริมาณโซเดียม และปริมาณที่ควรบริโภคต่อวัน
ทำให้เราสามารถคำนวณปริมาณที่ควรกินได้อย่างง่ายๆ ครับ
ปิดท้าย
- ลองทำดูนะครับ แล้วจะรู้สึกดีกับตัวเองมาก
"ลดเค็ม ก็ ลดโรค" ครับ
- ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆ จาก จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับ
สร้างสุข ปีที่ 10 ฉ.149 มี.ค.2557:สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
หมายเหตุ
- ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย
ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
- สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ
ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google
พิมพ์ vcanfit เว้นวรรค
แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น