คนไทยเรานิยมกินเลือดหมูกันไม่ใช่น้อย เลยต้องนำเรื่องนี้มานำเสนอกันครับ จะได้กินกันอย่างปลอดภัย สบายใจ
เลือดหมูต้ม
- เลือดหมูต้มมีคุณค่าทางโภชนาการสูงพอสมควรครับ
- เลือดหมูต้ม 100 กรัม(1 ขีด) ให้
- โปรตีน 6.9 %
- ไขมัน 0.4 %
- แคลเซียม 11 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 12 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 12 มิลลิกรัม
- เรามักกินเลือดหมูต้ม ในอาหารที่ปรุงร้อน และมักใส่ผัก เช่น จิงจูฉ่าย ใบตำลึง ฯลฯ ทำให้ได้รับประโยชน์จากผักต่างๆ ด้วย
เลือดหมูดิบ หรือ สุกๆดิบๆ
- เช่น การกินลาบ หรือ หลู้ ที่ปรุงจากเนื้อหมูดิบ หรือ เลือดหมูดิบ
- หมูจะมีเชื้อ "สเตรปโตคอคคัส ซูอิส" ในทางเดินหายใจตั้งแต่แรกเกิด จนกลายเป็นเชื้อโรคประจำถิ่น แต่เมื่อหมูอยู่ในภาวะเครียดจากความแออัด ฝนตกหนัก น้ำท่วม ฯลฯ ภูมิคุ้มกันของหมูจะลดลง เชื้อนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดทำให้หมูป่วย หรือตายได้
- เมื่อคนเรากินเนื้อหมู หรือ เลือดหมูที่ไม่สุก เราจะติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส จากหมู ทำให้เกิดอาการ เยื่อหุ้มสมองอักเสบเฉียบพลัน มีไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง
- เคราะห์หามยามร้าย เชื้อจะแพร่เข้าไปในกระแสเลือด อาจมีอาการรุนแรงถึงกับเสียชีวิต ถ้ารอดชีวิตได้ก็มักจะหูหนวกทั้ง 2 ข้าง หรือเป็นอัมพาตครึ่งซีกได้ครับ
- ข่าวดี คือ เชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ถูกทำลายสิ้นด้วยความร้อนจากการปรุงอาหาร ครับ
ส่งท้าย
- เทียบดูแล้ว ใครยังเลือกที่จะเสี่ยงกิน "เลือดหมูดิบ" ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ
หมายเหตุ
- ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
- สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google พิมพ์ vcanfit เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น