"ตด" คำสั้นๆ แต่เป็นเรื่องน่าอาย หรืออาจเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเลยก็ได้ ถ้าพลาดพลั้งทำให้เกิดขึ้นท่ามกลางสาธารณชน
ตด : Fart
- เป็นภาษาพูดที่ใช้แทนคำว่า "ผายลม"
- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ ในวันหนึ่งๆ คนเราอาจผายลมได้เกิน 10 ครั้ง
- เป็นการระบายแก๊สส่วนเกินออกจากร่างกาย โดยการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ขับแก๊สออกมา
- แก๊สที่เกิดขึ้นในร่างกายจนต้องระบายออก เกิดจาก แก๊สจากภายนอกร่างกาย 90% และแก๊สที่ผลิตขึ้นเองในร่างกาย 10%
- แก๊สจากภายนอกร่างกาย (90%) นั้นคืออากาศที่รับเข้ามาผ่านทางปาก เช่นเวลาเราพูด(มาก) หรือกลืนอาหาร ก็จะกลืนอากาศเข้าไปด้วย นอกจากนั้น การกินเร็วเกินไป การเคี้ยวหมากฝรั่ง การสูบบุหรี่ การใช้ฟันปลอมที่ไม่เหมาะสม และการดื่มน้ำอัดลม ก็เป็นการรับแก๊สจากภายนอกเพิ่มเข้ามาในร่างกายทั้งสิ้น
- แก๊สที่เกิดจากภายในร่างกาย (10%) ส่วนใหญ่จะเป็นแก๊สที่ผลิตขึ้นจากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่ทำการย่อยสลายกากอาหาร
- ปกติร่างกายเราจะขับแก๊สส่วนเกินออกจากร่างกายได้ 2 ทาง คือ ทางปาก (เรอ) และทางทวารหนัก (ตด) หากแก๊สนั้นไม่ได้ระบายออกมา ก็จะสะสมอยู่ในทางเดินอาหาร ทำให้รู้สึกอืด อึดอัด แน่นท้อง และปวดมวนในท้อง
- อาหารที่ทำให้ผายลมมีกลิ่นเหม็น ได้แก่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ซึ่งใช้เวลาย่อยประมาณ 72 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ทำให้เกิดการหมักหมม พอผายลมก็จะมีกลิ่นเหม็น
- ถั่วชนิดต่างๆ ก็ทำให้ผายลมบ่อย เนื่องจากมีน้ำตาลชนิดที่ร่างกายคนเราย่อยไม่ได้ แต่แบคทีเรียในลำไส้ย่อยได้แล้วสร้างแก๊สออกมาครับ
การตดเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่การไม่ตดเลยนี่สิ..
- ถ้าทั้งวันไม่ผายลมเลย อาจแสดงว่ากำลังมีอะไรผิดปกติในร่างกายเราแล้วละครับ เช่น ลำไส้ใหญ่อุดตัน เนื้องอก หรือมะเร็ง
ส่งท้าย
- ทางการแพทย์ อยากให้คนเราผายลมไปตามธรรมชาติ เพื่อกำจัดแก๊สที่ร่างกายอยากขับออกให้หมดไป การกลั้นเอาไว้อาจเป็นอันตราย ปล่อยไปดีกว่า
- การผายลมทำให้ สุขภาพกาย เราดี แต่ก็ควรรักษา สุขภาพจิต คนรอบข้างด้วย โดยพยายามเลี่ยงมาทำห่างๆ หรือทำในห้องน้ำ น่าจะดีกับทุกฝ่ายครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น