เมล็ดเชีย หรือ เมล็ดเจีย ธัญพืชขนาดจิ๋วแต่มากด้วยประโยชน์ มีขายตามร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ คนกล่้าวถึงกันเยอะ มาทำความรู้จักเจ้าเชียกันครับ
Chia Seeds (เมล็ดเชีย)
- เป็นพืชในกลุ่มเครื่องเทศตระกูลเดียวกับกะเพรา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า " Salvia Hispanica "
- เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น เป็นพืชเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อาร์เจนตินา โบลิเวีย เอกวาดอร์ กัวเตมาลา และ ออสเตรเลีย
- ในเมืองไทยเราก็มีปลูกที่ลำปาง ครับ
- ลำต้นสูงประมาณ 4-6 ฟุต ให้เมล็ดเล็กๆ สีดำและขาว เปลือกนอกเมล็ดพองตัวได้เหมือนเม็ดแมงลัก
- เป็นอาหารที่คนแถบประเทศเม็กซิโก และโบลิเวียกินกันมานานกว่า 5,000 ปี แล้ว
- ชาวแอซเท็ก (Aztecs) นิยมกินเป็นอาหารหลักเหมือนกับธัญพืชทั่วไป เช่น ข้าวโพด และถั่ว โดยนำเอาเมล็ดเจียมาบดรวมกับแป้ง คั้นเป็นน้ำมันออกมาเพื่อใช้ดื่ม หรือไว้ปรุงอาหาร โดยเชื่อว่า เมล็ดเจียสามารถช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้
- เมล็ดเชียยังใช้แทนเงินในการแลกเปลี่ยน และยังใช้บูชาในงานพิธีต่างๆ
- เมื่อชาวแอซเท็กจะออกรบ นักรบแต่ละคนจะต้องมีเมล็ดเชีย ติดตัวไปด้วย เพราะจะทำให้แข็งแรงมีกำลังสู้รบ แถมยังช่วยซ่อมแซมร่างกายในเวลาที่บาดเจ็บอีกด้วย
- ปัจจุบันเมล็ดเชียได้รับความนิยมมาก(ในต่างประเทศ) สำหรับคนรักสุขภาพ และในกลุ่มนักกีฬา
ประโยชน์
- มีไขมัน Omega-3 สูงกว่าปลาแซลมอนถึง 7 เท่า ช่วยในการบำรุงสมองและจอประสาทตา , ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด , ลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) ในเลือด และลดความรุนแรงของโรคปวดข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
- มี Calcium (แคลเซียม) สูง ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยลดการเสื่อมของกระดูกในผู้สูงอายุ
- มี Boron (โบรอน) ที่ช่วยให้การดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก ทำได้ดีขึ้น
- มีโปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมเเซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
- มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีเส้นใยอาหารสูงมาก ช่วยในการขับถ่าย
- เมล็ดเชีย สามารถผลิตเจลในปริมาณมาก ซึ่งทำให้อิ่มนานขึ้น จึงใช้ช่วยในการคุมน้ำหนักได้
- เมื่อผสมเมล็ดเชียในน้ำเปล่า แช่ให้เมล็ดพองตัวเต็มที่ จะมีเจล (Mucilage) สูงมาก(พอง 12 เท่า) คล้ายเม็ดแมงลัก เจลนี้จะช่วยชลอการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล ซึ่งดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- เมล็ดเชีย สามารถผลิตเจลได้ในปริมาณมาก เมื่อกินแล้วจะรู้สึกอิ่มนานขึ้น จึงใช้ช่วยในการคุมน้ำหนักได้
วิธีกิน
- เติมลงในอาหาร หรือเครื่องดื่ม ครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เติมลงในอาหาร เช่น สลัดผัก พิซซ่า ก๋วยเตี๋ยว ผสมเป็นสเปรดทาขนมปัง ใส่ไอศกรีม โยเกิร์ต เบเกอรี่ ฯลฯ
- เติมลงในเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ ชา น้ำผลไม้ สมูธตี้ มิลค์เชค ฯลฯ
ข้อควรระวัง
- คนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือ ใช้ยาแอสไพรินอยู่ ไม่ควรกินเมล็ดเชีย เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะที่เลือดแข็งตัวช้า เลือดไหลไม่หยุด ได้
- มีผลงานวิจัยว่า ผู้ชายไม่ควรกินเมล็ดเจียมากเกินไป เพราะในเมล็ดเจียมีกรดไขมันแอลฟา ลิโนเลอิก (Alpha-linoleic acid) ที่ทำให้ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากสูงขึ้น แต่ก็ยังมีผู้แย้ง ก็คงต้องศึกษาต่อไป ดังนั้นผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากไม่กินเลยน่าจะปลอดภัยกว่าครับ
เมล็ดเจีย กับ เมล็ดแมงลัก
- มีคนเข้าใจผิดว่าเมล็ดเจียคือเมล็ดแมงลัก เพราะเมื่อนำไปแช่น้ำแล้วมีลักษณะคล้ายๆ กัน
- เมล็ดเจีย มีลักษณะรี มีสีน้ำตาลเทา มีลวดลายเล็กน้อย แช่น้ำแล้วเกิดการพองตัวลักษณะเม็ดใส
- เมล็ดแมงลัก มีลักษณะรี มีสีดำเข้ม แช่น้ำแล้วพองตัวลักษณะเม็ดมีเมือกสีขาวขุ่น
ส่งท้าย
- ควรเลือกซื้อเมล็ดเชียจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ ถ้ามี อย. รับรอง ก็ยิ่งดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น