วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แปรงฟันให้ได้ดี


"ใครๆ ก็แปรงฟันเป็น แปรงมาตั้งแค่เด็กแล้วด้วย" แต่ถ้าจะแปรงให้ได้ประโยชน์จริงๆ ลองมาดูเรื่อง แปรงกี่นาทีดี?  บ้วนน้ำกี่ครั้งดี? ฯลฯ กันครับ 

แปรงฟันไปทำไม?

เป้าหมายของการแปรงฟัน คือ 
  1. เพื่อกำจัดแผ่นคราบจุลินทรีย์ (คราบพลัค) 
  2. พาฟลูออไรด์ในยาสีฟัน ให้สัมผัสกับผิวฟันเพื่อป้องก้นฟันผุ

แผ่นคราบจุลินทรีย์ (คราบพลัค) 

  • เป็นคราบที่ประกอบไปด้วยเชื้อโรคจำนวนมาก เมื่อสะสมนานๆ เข้า  ก็จะปล่อยสารพิษออกมาทำลายเหงือก ทำให้เหงือกอักเสบ และทำให้ฟันบริเวณนั้นผุด้วย
  • แผ่นคราบจุลินทรีย์นี้จะเกิดขึ้นทุกวัน ใช้เวลาสะสมประมาณ 24 ชั่วโมง จึงจะพอมองเห็นด้วยตาเปล่า ดั้งนั้น เราควรจะแปรงฟันอย่างตั้งใจเพื่อกำจัดแผ่นคราบจุลินทรีย์ออกให้หมด

แปรงฟันให้ถูกวิธี

1. แปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์นาน 2 นาที วันละ 2 ครั้ง

  • ฟลูออไรด์ในยาสีฟันทำให้ฟันแข็งแรง ผุได้ยาก 
  • จากงานวิจัย ระบุว่า ต้องให้ฟลูออไรด์สัมผัสกับผิวฟัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จึงจะป้องกันฟันผุได้ดี 
  • จะต้องแปรงฟันให้นานอย่างน้อย 2 นาที เพื่อให้มีเวลาพอที่ฟลูออไรด์จะไปจับบนผิวฟันได้แน่นหนาและทั่วถึง (ถ้าตอนเช้ารีบๆ ก็เอาตอนค่ำให้ได้ 2 นาที ครับ)
  • คนที่เกิดฟันผุได้ง่าย ให้แปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์เพิ่มเป็นวันละ 3 ครั้ง เพื่อให้ผิวฟันสัมผัสกับฟลูออไรด์ได้บ่อยขึ้น

2. ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม แปรงด้วยแรงพอดีๆ

  • เมื่อใช้แปรงสีฟันขนแปรงแข็ง แปรงฟันแรง เหงือกบริเวณคอฟันจะถูกทำลาย ที่เรียกว่า "เหงือกร่น" จากนั้นคอฟันจะค่อย ๆ สึกเป็นรูปลิ่ม และมีอาการเสียวฟันตามมา
  • ให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม (อ่านที่ฉลาก)
  • ถ้ารู้สึกว่ามันนุ่มเกิน ไม่ชอบ ก็ให้ใช้ขนแปรงแข็งปานกลางได้ แต่ต้องไม่แปรงแรงจนเกินไป     

3. บ้วนน้ำหลังแปรงฟันเพียงครั้งเดียว

  • มีงานวิจัยพบว่า ถ้าบ้วนน้ำหลาย ๆ ครั้ง ประสิทธิภาพการป้องกันฟันผุจะลดน้อยลงไป เมื่อเทียบกับการบ้วนน้ำเพียงครั้งเดียว
  • ถ้าไม่ชิน แนะนำให้บ้วนฟองออกก่อนโดยไม่ต้องใช้น้ำ พอฟองออกไปเยอะแล้วค่อยบ้วนน้ำตามเพียงครั้งเดียว ลองดูครับ สักพักก็ชิน

4. หลังแปรงฟัน ไม่ควรดื่มน้ำ หรือกินอาหารใด ๆ นาน 30 นาที 

  • เพื่อให้ฟลูออไรด์ได้ออกฤทธิ์ป้องกันฟันผุได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกชะล้างออกไป

5. แปรงลิ้น หรือไม่ ก็ได้

  • ถ้ามีเชื้อโรคอยู่บนหลังลิ้นมาก ๆ ก็จะเห็นเป็นฝ้าขาวหรือฝ้าเหลือง บนหลังลิ้นค่อนไปทางโคนลิ้นซึ่งทำให้เกิดกลิ่นปาก  ดังนั้นการแปรงลิ้นจะช่วยลดกลิ่นปากได้
  • แนะนำให้แปรงลิ้นก่อนการแปรงฟัน 
  • การแปรงลิ้นไม่ต้องใช้ยาสีฟัน โดยแปรงเบาๆ เพราะถ้าแปรงลิ้นแรง จะทำให้มีการถลอกของลิ้น(ที่เรามองไม่เห็น) ซึ่งจะทำให้มีกลิ่นปากมากขึ้น
  • คนที่ไม่มีฝ้าบนลิ้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแปรงลิ้นแต่อย่างใด ครับ

6. ต้องเปลี่ยนแปรงสีฟัน เมื่อขนแปรงเริ่มบาน

  • ขนแปรงที่บาน จะกำจัดแผ่นคราบจุลินทรีย์ได้ไม่ดี ทำให้แปรงฟันไม่สะอาด 
  • ขนแปรงที่บานอาจจะบาดเหงือกได้ด้วย

7. ถ้าแปรงฟันแล้วเลือดออกบริเวณใด ให้แปรงฟันบริเวณนั้นให้มาก ๆ 

  • อาการเลือดออกเวลาแปรงฟันเป็นสัญญาณเตือนว่า เราแปรงฟันไม่สะอาดเพียงพอถึงขอบเหงือก
  • การที่มีเลือดออกเวลาแปรงฟันเกิดมาจากเหงือกบริเวณนั้นมีการอักเสบ เนื่องจากมีแผ่นคราบจุลินทรีย์เกาะอยู่ที่คอฟัน(ใกล้กับเหงือก) อยู่เป็นเวลานาน จนปล่อยสารพิษที่ทำให้เหงือกอักเสบ ถ้าอยากให้เหงือกหายเป็นปกติ ก็ต้องกำจัดแผ่นคราบจุลินทรีย์ออกให้หมด
  • ถ้ามีเลือดออกเวลาแปรงฟันแล้วเราหลีกเลี่ยงไม่ให้ขนแปรงสีฟันโดนเหงือก ก็จะทำให้แผ่นคราบจุลินทรีย์ที่อยู่ติดกับขอบเหงือกยังคงอยู่ เหงือกก็จะอักเสบอยู่ตลอดไป เพียงแต่ไม่มีเลือดออกให้เห็นเพราะไม่มีขนแปรงไปสะกิด 
  • ถ้ามีเลือดออก ให้แปรงให้ถึงคอฟัน และให้รู้สึกว่าขนแปรงสัมผัสกับเหงือก ในวันแรกๆ จะมีเลือดออก แต่จะน้อยลงเรื่อยๆ จนไม่มีเลือดออกเวลาแปรงฟันอีกต่อไป เพราะเหงือกบริเวณนั้นเริ่มหายเป็นปกติครับ

ส่งท้าย


  • อยู่มา 50 ปี ผมเพิ่งรู้สึกว่าแปรงฟันได้สะอาดดีมากๆ ก็ตอนที่เริ่มลองทำตาม 7 ข้อนี้ละครับ

หมายเหตุ 


  • ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
  • สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google พิมพ์ vcanfit  เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ



       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น