สิบกว่าปีที่แล้ว หลายบ้านจะมีปูเล่ ปลูกในกระถาง ไม่ว่าบ้านจะมีพื้นที่มากน้อยแค่ไหนก็ปลูกได้ทั้งนั้น ปลูกแล้วขยายพันธุ์ให้เพื่อนบ้าน เพื่อนฝูง พอต้นโตก็ไล่เก็บใบล่างๆ มาทำอาหาร สำหรับผมแล้ว ปูเล่เป็นพืชผักสวนครัวที่น่าปลูกมากๆ เสียดายที่ตอนนี้ไม่ค่อยฮิตแล้ว เลยไม่ค่อยได้เห็นกันทั่วไป แต่ยังพอหาต้นและเมล็ดพันธุ์มาปลูกกันได้ครับ
ปูเล่ (Longlived Cabbage)
- เป็นพืชที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยพบทางภาคใต้ของไทย
- สันนิษฐานว่า ปูเล่มาจากชาวจีนที่อพยพย้ายถิ่นฐาน ได้นำปูเล่ปลูกในกระถางไว้บนเรือ และเก็บกินระหว่างรอนแรมอยู่กลางทะเลนานๆ
- ปูเล่มีหลายสายพันธุ์ บางพันธุ์จะมีลักษณะคล้ายคะน้า (แต่ใบใหญ่กว่ามาก) บางพันธุ์ก็คล้ายกะหล่ำ มีทั้งสีม่วง สีเขียว
- ปูเล่จะเจริญเติบโตได้ดีในกระถาง ดังนั้นบ้านที่มีพื้นที่จำกัดก็สามารถปลูกปูเล่ได้ (ปลูกไว้ที่ระเบียงยังได้เลยครับ)
การปลูกปูเล่ในกระถาง
ทำได้ง่ายโดย- ใช้ดินที่มีปุ๋ยคอก ผสมกับดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ใส่กระถางขนาด 10-14 นิ้ว
- ต้นปูเล่ที่จะปลูก ควรเป็นต้นขนาดเล็กที่ขยายพันธุ์มา มีความสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร อาจเพาะจากเมล็ดที่มีขาย หรือตัดแยกแขนงที่งอกมาข้างๆ ลำต้น มาชำไว้ก่อนจนรากงอกแล้วก็ได้
- รดน้ำวันละครั้ง อย่าให้น้ำขัง ให้น้ำระบายได้ ใส่ปุ๋ยบ้าง
- รอประมาณ 3 เดือน จะเริ่มเก็บใบกินได้ ให้เด็ดใบล่างๆ นะครับ ส่วนทึ่ถูกตัดไปจะเป็นแผลที่ลำต้น (คล้ายของมะละกอ) ซึ่งไม่นานบริเวณนี้ จะมีแขนงอ่อนแตกออกมา
- รอจนแขนงยาวเกิน 5 ซม. และ แตกใบ ก็ตัดไปชำในขี้เถ้าแกลบ ทิ่งไว้ในที่ร่มรำไร รดนำทกวันประมาณ 2-3 สัปดาห์ก็ย้ายไปปลูกในกระถางใหญ่ได้ต่อไป
ประโยชน์
- เป็นไม้ประดับ
- เนื่องจาก ใบปูเล่ มีรสชาติดี ไม่เหนียว จึงนิยมนำมาทำอาหารได้มากมาย เรียกว่าทำได้ทุกเมนูที่เคยใช้คะน้า ไม่ว่าจะผัดน้ำมันหอย ผัดปลาเค็ม กินสด เป็นผักจิ้ม ใส่ยำ ฯลฯ สารพัดจะพลิกแพลงได้ครับ
- ได้สารอาหารที่มีประโยชน์ โดย ปูเล่ 100 กรัม ให้พลังงาน 30 กิโลแคลอรี มี แคลเซียม 151 มิลลิกรัม คาร์โบไฮเดรต 4.5 กรัม โพแทสเซียม 54 มิลลิกรัมวิตามินB1 0.07 มิลลิกรัม วิตามินB2 0.11 มิลลิกรัม วิตามินC 63 มิลลิกรัม (ถ้ากินสดจะได้วิตามินC สูงทีเดียวครับ)
- ที่สำคัญ คือ ปูเล่มี เบต้าแคโรทีน สูง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น