วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขนมครก..คู่คนไทย


ตอนเด็ก ถ้าวันไหนได้กินขนมครกตอนเช้า จะเป็นอะไรที่"ฟินนน..มาก" (ขอใช้ศัพท์ทันสมัย) ด้วยความหวานมัน มีเค็มปะแล่มๆ นิดนึง หยิบกันคนละหนุบคนละหนับ แป๊บเดียวเกลี้ยงกระทง

ขนมครก

  • เป็นขนมไทยโบราณ นิยมกันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว 
  • นอกจากเมืองไทยแล้ว ยังพบขนมครกใน ลาว พม่า และอินโดนีเซีย
  • ใช้แป้งข้าวเจ้าเป็นส่วนประกอบหลัก ตามด้วย กะทิ น้ำตาลโตนด เกลือเล็กน้อย 
  • ถ้าเป็น"ขนมครกชาววัง" ก็จะมีหน้าต่างๆ เช่น หน้าไข่เค็มฝอย หน้ากุ้ง หน้าหมู หน้าข้าวโพด หน้าเผือก และหน้าต้นหอม
  • อาชีพขายขนมครก ทำรายได้ดีมิใช่น้อย แม้ระยะหลังจะเป็นยุคที่คนไทยตื่นตัวเรื่องความอ้วน ขนมครกก็ยังเป็นขวัญใจคนไทยอยู่ครับ

ประโยชน์

  • เป็นอาหาร(เช้า) พวกคาร์โบไฮเดรต ที่ให้พลังงานแก่ร่างกายเรา
  • มีกะทิ ซี่งเป็นไขมันดี อยู่ในกลุ่มของไขมัน "มีเดียมเชน ไตรกลีเซอไรด์" (Medium-chain triglycerides) เป็นไขมันที่ร่างกายขับออกได้ดี เลยไม่ค่อยถูกเก็บสะสมในร่างกาย 
  • มี วิตามินE จากมะพร้าว และ วิตามินA จากข้าวโพด เผือก ต้นหอม ที่โรยหน้า ซึ่งวิตามินเหล่านี้ละลายได้ดีในไขมัน ทำให้ไขมันจากกะทิในขนมครก ช่วยให้วิตามินเหล่านี้ถูกดูดซึมมาใช้ประโยชน์ในร่างกายได้ดี

ข้อควรระวัง

  • ขนมครกเป็นอาหารแป้ง+น้ำตาล+ไขมัน ให้แคลอรี่สูง กินมากๆ อ้วนได้แน่นอนครับ กินพอดีๆ อย่าเยอะ
  • ระวังร้อนลวกปากลวกลิ้น เพราะเวลาเอามือจับที่ผิวนอกของขนมครก อาจเหมือนไม่ร้อนมาก แต่ต้วเนื้อขนมร้อนกว่าเยอะ เคยลวกลิ้นผม จนหมดความอร่อยมาหลายครั้งแล้วครับ

หมายเหตุ 

  • ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
  • สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google พิมพ์ vcanfit  เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการห (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ

       
      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น