อย่าว่าแต่ผีฝรั่งในหนังเลยครับ ที่กลัวกระเทียม เราๆ ท่านๆ ได้กลิ่นลมหายใจจากปากคนกินกระเทียมมา เราก็ผงะเหมือนกัน แต่ถึงเหม็นยังไง คนก็ยังนิยมกิน แสดงว่าข้อดีของกระเทียมชนะความน่ารังเกียจของกลิ่นได้อย่างราบคาบครับ
กระเทียมสด มีอะไรดี
- กระเทียม (Garlic) เป็นพืชสมุนไพรที่มนุษย์เราใช้กันมานานกว่า 6,000 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยสร้างปิรามิด ในอียิปต์ จีนและอินเดีย ก็ใช้กันมานาน จนแพร่หลายไปทั่วโลกในปัจจุบันนี้
- กระเทียมมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่ โปแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมงกานีส ซีลีเนียม วิตามินบี วิตามินซี และ สารต้านอนุมูลอิสระ
- กระเทียม ช่วยขับลม เสริมภูมิต้านทานของร่างกาย สามารถฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย รักษาโรคบิด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับเสมหะ และบรรเทาหวัดได้
- กระเทียมช่วย ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ป้องกันผนังหลอดเลือดแข็งตัว และช่วยลดไขมันในเลือด (ถีงแม้จะมีข้อถกเถียงถึงผลอย่างชัดเจนทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง)
- กระเทียมมีสาร อัลลิซิน (Allicin) ซึ่งช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งได้ด้วย เจ้าอัลลิซิน นี่แหละครับที่ทำให้กระเทียมมีกลิ่นเฉพาะตัว
กินอย่างไรให้เกิดประโยชน์?
- สารออกฤทธิ์สำคัญๆ ในกระเทียมไม่ค่อยทนต่อกระบวนการสกัดและแปรรูปต่างๆ ดังนั้น การกิน กระเทียมสดจะดีที่สุด โดย กินวันละ 1 ช้อนชาพูน พร้อมอาหาร (อย่ากินตอนท้องว่างนะครับ จะแสบท้อง คลื่นไส้)
- กระเทียมที่ผ่านกระบวนการปรุงอาหาร ยังพอหลงเหลือสารที่มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่เหลือน้อยครับ
- อาหารเสริมกระเทียมสกัด อันนี้ต้องเลือกดีๆ ที่เขาผลิตโดยไม่ทำลายคุณค่าของสารสำคัญต่างๆในกระเทียมไป เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือหน่อยนะครับ
การเลือกและเก็บกระเทียม
- เลือกซื้อกระเทียมที่ สด แน่นแข็ง ไม่เหี่ยว ไม่ฝ่อ ไม่มีเชื้อรา
- เก็บในที่ แห้ง สะอาด อากาศถ่ายเทดี เช่น แขวนไว้ในที่ลมผ่าน จะทำให้เก็บได้นาน ไม่ฝ่อ
- ถ้าปอกเปลือกแล้ว สามารถเก็บในตู้เย็นได้อีก 3-4 วัน
ส่งท้าย
- ตอนนี้ นอกจากกระเทียมสดแล้ว ยังมีการพัฒนากระเทียมในรูปแบบใหม่ด้วยเป็น กระเทียมดำ (Black Garlic) ซึ่งมีสารพฤกษเคมี และการออกฤทธิ์ทางชีวภาพ แตกต่างไปจากกระเทียมขาวธรรมดา มีกลิ่นฉุนลดลง มีรสหวาน แถมสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าเดิมอีกด้วย เอาไว้โอกาสหน้าจะเอามาเล่าให้ฟังครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น