วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

น้ำตาล เป็นทั้งมิตร และศัตรู :Eating less sugar increased longevity.



     น้ำตาลเกี่ยวข้องกับชีวิตเรา ตั้งแต่ เกิด แก่ ไปจนกระทั่ง เจ็บ ตาย ที่สำคัญ คือ เราควรควบคุมน้ำตาลได้ ไม่ใช่ปล่อยให้น้ำตาลมาควบคุมสุขภาพเรา ครับ

น้ำตาลมี ประโยชน์ ต่อร่างกาย

  • น้ำตาลมีหน้าที่ให้พลังงาน สำหรับการทำงานของอวัยวะ และระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ ไต ตับ ระบบการหายใจ ระบบทางเดินอาหารอาหาร ฯลฯ
  • ร่างกายจะใช้พลังงานจากน้ำตาลก่อน ถ้าหมดเมื่อใด ร่างกายจะหันไปใช้พลังงานจากไขมัน หรือโปรตีน แทน

น้ำตาลก็มี โทษ ต่อร่างกายด้วย

    น้ำตาลจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายเมื่อ เรากินน้ำตาลมากเกินไป ผลที่อาจเกิดขึ้น เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง คือ

1. ทำให้เป็นเบาหวาน 

    ถ้าเรากินน้ำตาลมาก ระดับของน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้น ฮอร์โมนอินซูลินที่ถูกสร้างโดยตับอ่อน จะออกมาทำหน้าที่คอยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
    ถ้าเรากินน้ำตาลมากๆ ทุกวัน ตับอ่อนก็ต้องทำงานหนักเพื่อเร่งสร้างอินซูลิน นานๆเข้า ตับอ่อน ก็จะกลายเป็น ตับอ่อนล้า คือตับอ่อนเสื่อมจนผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอจที่ะไปคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ น้ำตาลในเลือดเลยสูง เกิดเป็น โรคเบาหวาน ครับ

2. ทำให้แก่เร็ว 

    ระดับน้ำตาลที่สูงจะไปเร่งการเสื่อมของร่างกาย เกิดการทำลายคอลลาเจน และใยโปรตีนที่ผิวหนังทำให้ เกิดริ้วรอย และจุดด่างดำ

3. ทำให้สมองเสื่อม
    น้ำตาลมากๆ ทำให้เซลล์สมองเสื่อม เกิดโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's disease)

4. ทำให้เกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด

    ผนังหลอดเลือดแดงจะแข็ง เปราะบาง และยืดหยุ่นน้อยลง ซึ่งจะก่อปัญหาตามมาอีกมากมาย ทั้งความดันโลหิตสูง เส้นเลือดอุดตัน ตีบ แตก ฯลฯ

แค่ไหนเรียกว่ากินน้ำตาลมากเกินไป

  • มันเป็นเรื่องยากที่จะทำมาตรฐานกลางว่า ไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละกี่ช้อน เนื่องจากน้ำตาลแฝงตัวอยู่ในอาหารส่วนใหญ่ด้วย
  • เอาเป็นว่า อย่าไปเพิ่มปริมาณน้ำตาลให้ร่างกายเราอีก โดยการพยายามไม่กินหวานจัด กินขนมหวานน้อยๆ ผลไม้หวานจัดก็อย่าไปกินมาก น้ำตาลทรายที่จะเติมลงในอาหารหรือเครื่องดื่มก็ให้เบามือลง หรือใส่น้อยสุดเท่าที่จำเป็น อะไรประมาณนี้ครับ


ปฏิบัติการลดหวาน

  • ชิมก่อนเติมเครื่องปรุงทุกครั้ง เพราะบางทีคนทำอาหารเขาทำมาหวานแล้ว
  • เลือกกินผลไม้สดแทนขนมหวาน
  • ถ้าอยากขนมหวาน ให้เลือกที่เป็นขนมหวานธัญญพืช เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ลูกเดือย ข้าวโพด แต่อย่าบ่อย
  • บ้วนปากทุกครั้งหลังกินของหวาน เพราะรสชาติความหวานที่ติดลิ้นอยู่ จะทำให้อยากกินของหวานอย่างอื่นต่อไปอีก
  • ให้เวลากับร่างกายเรา ในการปรับสภาพการรับรู้รส ที่เคยเสพติดความหวาน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ ทำให้ช่วงแรกๆ จะรู้สึกว่าอาหารขาดรสหวานและไม่อร่อยเอามากๆ แต่พอเวลาผ่านไปร่างกายเราจะสามารถปรับตัวจนชินกับรสชาติอาหารที่ไม่หวานได้เองครับ

ปิดท้าย

  • หวานแล้วดี คือ ยิ้มหวาน ตาหวาน ปากหวาน ฝันหวาน
  • หวานแล้วไม่ดี คือ กินหวาน เพราะอาจทำให้เป็น เบาหวาน ได้ครับ

หมายเหตุ 


  • ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
  • สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google พิมพ์ vcanfit  เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น