เชื่อไหมครับ คนโบราณห้ามทำแกงคั่วหอยขมเลี้ยงแขก เพราะจะทำให้เกิดมีเหตุให้ต้องห่างเหินกันไป หรืออาจร้ายแรงจนกลายเป็นศัตรูกันได้ แต่ผมว่าเหตุผลจริงๆ ก็คือ มันกินยาก ต้องมีการดูดเสียงดัง เสียกิริยา แขกก็คงไม่กล้ากิน หรือที่เกรงใจเจ้าภาพก็คงจะกินแต่น้ำแกง ไม่เหมาะมี่จะเป็นอาหารรับแขก มากกว่าครับ
หอยขม (Pond Snail , River Snail)
- เป็นหอยขนาดเล็ก มีเปลือกหอยเป็นเกลียวกลมยอดแหลม สีเขียวแก่ หนาและแข็ง
- อาศัยในน้ำจืด เช่นใน คู คลอง หนอง บึง ที่เป็นน้ำนิ่ง มักเกาะอยู่กับพันธุ์ไม้น้ำ เสา หลัก ตอไม้ หรือ ตามพื้น
- กินอาหารพวกสาหร่าย ใบไม้ผุในน้ำ รวมทั้งผงตะกอนต่างๆ ที่จมอยู่ตามผิวดิน
- มีอวัยวะเพศทั้งเพศผู้และเพศเมียอยู่ในตัวเดียวกัน จึงผสมพันธุ์ได้ในตัวเอง โดยจะออกลูกเป็นตัว ประมาณ 40-50 ตัว ในช่วงเดือน ธันวาคม-พฤษภาคม
- ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงหอยขมในกระชัง หรือ ตามท้องร่องสวน เป็นอาชีพที่ทำรายได้ดีครับ
- คุณค่าทางโภชนาการของหอยขม คือ มีโปรตีน 12 % คาร์โบไฮเดรต 4 % ไขมัน 2 %
- คุณค่าทางยาไทย จะใช้เปลือกหอยขมเผา ช่วยขับลมในลำไส้ ล้างลำไส้ แก้กระษัย ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ บำรุงกระดูก
แกงคั่วหอยขม
- เป็นแกงใส่กะทิ มีหลายสูตร ทั้งแบบภาคกลาง และ ภาคอิสาน แต่ที่เห็นขายกันมากๆ และเป็นที่นิยม จะเป็นแบบที่ใส่ชะอม และใบชะพลูด้วยครับ
- หอยขม ควรล้างให้สะอาด แล้วแช่ไว้ 1 คืน เพื่อให้คายสิ่งสกปรกออกมาก่อนนำมาแกง
- โขคดี ที่เป็นแกงคั่วซึ่งต้องใช้ความร้อนสูงจนเดือด ทำให้ ลดความเสี่ยงเรื่องพยาธิ์ลงไปได้ เพราะหอยขมเป็นหอยน้ำจืด ซึ่งอาจจะเป็นพาหะในการนำพยาธิใบไม้ในลำไส้มาสู่ผู้บริโถคได้
- แกงคั่วหอยขม มีทั้ง แบบแกะเนื้อหอยออกมาจากเปลือกให้แล้ว และ หอยขมทั้งเปลือก ที่ต้องดูดดุนกินเอง
- โดยส่วนตัวผมชอบแบบทั้งเปลือกที่ต้องดูดจุ๊บกินเอง เพราะได้อารมณ์ลุ้นดีครับ ถ้าดูดไม่ออกก็ใช้น้ำแกงหยอดลงไป แล้วดูดใหม่ เอาจนออกครับ อาจใช้ไม้จิ้มฟันปลายแหลมช่วยบ้าง
- แต่ถ้าเป็น ผู้เฒ่าผู้แก่ หรือ คนที่สำลักง่าย ให้ กินแบบแกะแล้วจะปลอดภัยกว่าครับ
- การกินหอยขมในช่วงที่ มีลูกหอยอยู่ในตัว จะกรุบๆ จากเปลือกอ่อนๆ ของลูกหอย บางคนชอบ แต่บางคนไม่ชอบครับ ถ้าไม่ชอบก็เลี่ยงช่วงที่หอยมีลูก คือ ธ.ค.-พ.ค.ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น