"หวานเป็นลม ขมเป็นยา" ใช้ไม่ได้ผลกับทุกคน เพราะบางคนถ้าขมแล้วเป็นยา ขอเป็นลมแบบหวานๆ ดีกว่า แต่สำหรับมะระจีนแล้ว ถึงจะขม แต่ก็ขมแบบมีเสน่ห์ในตัวนะครับ
มะระจีน ( Bitter Melon)
- ส่วนมากเราจะเรียก มะระ เฉยๆ แต่พอ มะระขี้นก เริ่มโด่งดัง เลยต้องเรียกให้ชัดเจนกันไปเลย ว่ามะระไหน
- มะระเป็นพืชล้มลุกชนิดไม้เถา อยู่ในตระกูลเดียวกับ แตงกวา ฟัก และบวบ
- จีนเป็นชนชาติแรกที่รู้จักกินมะระ ก่อนที่แพร่ขยายไปในแถบทวีปเอเชีย และอินเดีย
- ในบ้านเรานิยมกินมะระอยู่ 2 ชนิด คือ มะระจีน กับ มะระขี้นก
- มะระจีน เป็นสายพันธุ์ที่ชาวจีนนำเข้ามาในประเทศไทย ผลมีขนาดใหญ่ ผลอ่อนสีขาว ผลแก่สีเขียวอ่อน น้ำหนักมาก มีความขมน้อยกว่ามะระขี้นก
- มะระขี้นก มีขนาดเล็ก ผิวขรุขระ สีเขียวแก่ หัวและท้ายเรียวแหลม มีรสชาติขมมาก
ประโยชน์
- นำมาทำอาหารที่มีรสขมนิดๆ มีสเน่ห์ในตัวเอง อย่างเช่น มะระผัดไข่ มะระต้มกระดูกหมู แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ แกงคั่ว หรือกินสดเคียงขนมจีน น้ำพริก ก๋วยเตี๋ยวไก่
- มะระมี สารรสขม ชื่อ โมมอร์ดิซิน (Momordicin) ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวานได้ โดยออกฤทธิ์คล้ายกับอินซูลิน
- รสขมของมะระ ทำให้เจริญอาหาร
- มีฤทธิ์ เป็นยาระบายอ่อนๆ
- เนื้อมะระมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด โดย มะระ 100 กรัมจะให้ แคลเซียม 21 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 32 มิลลิกรัม วิตามินA 1225 หน่วยสากล และ วิตามินC 85 มิลลิกรัม
การเลือกซื้อ
ให้ สังเกตที่หนาม ของมะระ- ถ้าหนามมีลักษณะ อ่อนนิ่ม แสดงว่าเป็นมะระอายุน้อยและไม่ขม สามารถนำมาทำอาหารได้
- ถ้าหนามมีลักษณะ แข็ง แสดงว่ามะระนั้นแก่มากไม่ควรซื้อเพราะจะมีรสขมมาก
วิธีลดความขมของมะระ
- ก่อนที่เราจะนำไปประกอบอาหารให้นำมา แช่น้ำเกลือก่อน ในอัตราส่วนเกลือ 1 ช้อนชากับน้ำลิตร และแช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
- เทน้ำทิ้ง แล้วนำมา แช่น้ำเปล่า อีกครั้งประมาณ 10 นาที แล้วจึงนำไปประกอบอาหาร
- ในขณะที่ต้ม ไม่ควรคนบ่อยๆ เพราะจะทำให้ขมมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น