การตักบาตรพระภิกษุสงฆ์นั้น นอกจากจะเลือกอาหารที่มีรสชาติดีแล้ว เราควรคำนึงถึงเรื่องอาหารที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของพระภิกษุสงฆ์ด้วย โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารที่หวานจัดเพราะอาหารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวต่อพระภิกษุสงฆ์ได้ครับ
สถานการณ์สุขภาพพระสงฆ์
- พบว่า พระสงฆ์ในเขตเมือง มีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวาน และมีน้ำหนักตัวสูงขึ้น เนื่องจากอาหารที่ใส่บาตรส่วนใหญ่ มีรสหวานจัด เค็มจัด ไขมันสูง และไม่ค่อยมีผัก
- ผลการวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการของพระสงฆ์ ในปี 2555 พบว่า พระสงฆ์กลุ่มตัวอย่างในเขตชุมชนเมืองภาคกลาง 82 รูป มีน้ำหนักตัวเกินถึง 43.6% ค่ารอบเอวเกิน 20.8% เป็นโรคเบาหวาน 8.9% และมีโคเลสเตอรอลในเลือดสูงถึง 51.9% ซึ่งส่วนใหญ่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของชายไทยทั่วไป
- ข้อมูลด้านการเจ็บป่วยของพระสงฆ์ ที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์ ปี 2556 พบว่า พระสงฆ์มารับการตรวจรักษา 71,037 ราย ป่วยด้วยโรคเบาหวาน 5,090 ราย (7.1%) โรคความดันโลหิตสูง 5,472 ราย (7.7%) ภาวะไขมันในเลือดสูง 7,315 ราย (10.3%)
- สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้พวกเราส่วนมากนิยมซื้ออาหารถุงใส่บาตร ซึ่งอาจก่อปัญหาสุขภาพตามมาได้ถ้าผู้ขายทำไม่สะอาด โดยเฉพาะการปนเปื้อนโคลิฟอร์ม ก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหารได้
- การเลือกอาหารมาใส่บาตร ส่วนใหญ่เรามักจะเน้นที่ความน่ากิน รสชาติ แต่ไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์และโทษของอาหารกันครับ
มาช่วยกันรักษาสุขภาพพระสงฆ์
- ควรตักบาตรด้วยอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ได้แก่ อาหารที่ลด หวาน มัน เค็ม และเลือกอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัย
- ควรถวายอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง เช่น ข้าวกล้อง ผัก และผลไม้สด (รสไม่หวาน)
- เนื้อสัตว์ควรถวายแบบไม่ติดมัน หรือไขมันน้อยๆ เป็นเนื้อปลาจะดีที่สุด เพราะมีไขมันต่ำกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง หรืออาหารที่ทอดในน้ำมันมากๆ
- การปรุงอาหารประเภทผัด หรือมีกะทิเป็นส่วนผสมควรใช้น้ำมันน้อย กะทิน้อย
- งดอาหารหมัก ดอง
- งดการถวายบุหรี่ (เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยพบแล้ว) และเครื่องดื่มชูกำลัง
- อาหารที่จะเลือกใส่บาตร ควรยึดแนวทาง " สด ใหม่ ไม่หวาน ไม่มัน "
ปิดท้าย
- พุทธศาสนิกชนไม่ควรมองข้ามการถวายอาหารที่มีประโยชน์ และถูกหลักโภชนาการให้กับพระสงฆ์ เพื่อให้การตักบาตรในแต่ละครั้งนั้นได้บุญอย่างแท้จริง
- เราแค่ใส่ใจในการเลือกอาหารใส่บาตรให้มากขึ้นอีกนิด ก็จะช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาได้อีกทางหนึ่งแล้วครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น