เป็นที่รู้กันมานานในแวดวงการใช้สมุนไพรในการบำบัด รักษาโรค ว่า กระเทียม เป็นของคู่ครัวธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความเอร็ดอร่อยของอาหารแล้ว ยังมีคุณค่าทางยามากมาย โดยเฉพาะในกลุ่มโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ ที่คนไทยเป็นกันมากในปัจจุบัน
ทำไมต้องเป็นกระเทียม?
- กระเทียม (Garlic) เป็นพืชสมุนไพรที่มนุษย์เราใช้กันมานานกว่า 6,000 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยสร้างปิรามิด ในอียิปต์ จีนและอินเดีย ก็ใช้กันมานาน จนแพร่หลายไปทั่วโลกในปัจจุบันนี้ครับ
- กระเทียมมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่ โปแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมงกานีส ซีลีเนียม วิตามินบี วิตามินซี และ สารต้านอนุมูลอิสระ
- กระเทียม ช่วยขับลม เสริมภูมิต้านทานของร่างกาย สามารถฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย รักษาโรคบิด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับเสมหะ และบรรเทาหวัดได้
- กระเทียมช่วย ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ป้องกันผนังหลอดเลือดแข็งตัว และช่วยลดไขมันในเลือด
- กระเทียมมีสาร อัลลิซิน ซึ่งช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งได้ด้วย
กินกระเทียมอย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ?
- สารออกฤทธิ์สำคัญๆ ในกระเทียมไม่ค่อยทนต่อกระบวนการสกัดและแปรรูปต่างๆ ดังนั้น กิน กระเทียมสดจะดีที่สุด โดย กินวันละ 1 ช้อนชาพูน พร้อมอาหาร (อย่ากินตอนท้องว่างนะครับ จะแสบท้อง คลื่นไส้)
- กระเทียมที่ผ่านกระบวนการปรุงอาหาร ยังพอหลงเหลือสารที่มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่น้อย
- อาหารเสริมกระเทียมสกัด อันนี้ต้องเลือกดีๆ ที่เขาผลิตโดยไม่ทำลายคุณค่าของสารสำคัญต่างๆในกระเทียมไป เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือหน่อยนะครับ
เลือกและเก็บกระเทียมอย่างไรดี?
- เลือกซื้อกระเทียมที่ สด แน่นแข็ง ไม่เหี่ยว ไม่ฝ่อ ไม่มีเชื้อรา
- เก็บกระเทียมไว้ในที่ แห้ง สะอาด อากาศถ่ายเทดี เช่น แขวนไว้ในที่ลมผ่าน จะทำให้เก็บได้นาน ไม่ฝ่อ
- ถ้าปอกเปลือกแล้ว สามารถเก็บในตู้เย็นได้อีก 3-4 วัน
ข้อเสียจากการกินกระเทียม
- การกินกระเทียมสด จะแสบท้อง ห้ามกินตอนท้องว่าง ต้องกินพร้อมอาหารเท่านั้น ยิ่งเป็นอาหารที่มีโปรตีนอยู่ด้วยก็ยิ่งดีครับ
- กินกระเทียมแล้ว รู้สึกว่า ปากเหม็น ลมหายใจเหม็น อันนี้มีตัวช่วยบรรเทาได้ โดย ดื่มชา หรือนมสด จะช่วยได้มากครับ หรืออาจใช้วิธี เคี้ยวใบชา หรือใบฝรั่ง ก็ได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น