สำหรับผู้นิยมกาแฟ ถึงจะเป็นช่วงคุมน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน ก็ยังกินกาแฟได้ครับ แต่มีข้อแม้อยู่บ้าง
- กาแฟมีสารออกฤทธ์ที่สำคัญคือ กาเฟอีน(Caffeine) มีชื่อทางเคมีว่า 1,3,7-trimethylxanthine ซึ่งพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น เมล็ดกาแฟ ชา โคล่า
- หลายคนคงสงสัย ไอ้เจ้า กาเฟอีน ก็คือ คาเฟอีน นั่นแหละครับ แต่ราชบัณฑิตให้ใช้คำนี้เพราะเทียบที่มาของศัพท์จากภาษาฝรั่งเศส
- กาเฟอีนออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นสมอง ทำให้รู้สึกสดชื่น และทำงานได้เท่าที่มีสติปัญญาความสามารถจะทำได้ หลายคนมักเข้าใจผิดว่า กินกาแฟแล้วทำงานได้ดีกว่าเดิม
- เมื่อเรากินกาแฟ กาเฟอีนจะถูกดูดซึมเข้าร่างกายอย่างรวดเร็ว และจะถูกขับออกไปครึ่งหนึ่งในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง กาเฟอีนไม่สะสมในร่างกายเพราะตับของเราจะทำลายและขับออกจนหมด
- ใน 1 วัน เราสามารถรับกาเฟอีนได้ประมาณ 250-600 มิลลิกรัม โดยไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย (ซึ่งก็ขึ้นกับแต่ละบุคคลด้วย) แต่ให้ดีวันละ 1-2 แก้ว ก็พอแล้วครับ
- การกินกาแฟวันละ 2-4 แก้ว อาจจะไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ แต่ถ้ามากไปอาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมได้ เช่น วันละ 5-7 แก้ว อาจทำให้นอนไม่หลับ จิตใจสับสน อารมณ์แปรปวน คลื่นไส้ อาเจียน ได้
- สำหรับคนที่มีความดันโลหิตสูง ควรจะลดปริมาณการดื่มกาแฟลงให้ไม่เกิน 2 แก้ว/วัน
- กาเฟอีนสามารถกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และช่วยในการลดน้ำหนักได้ เนื่องจากกาเฟอีนมีฤทธิ์เป็นสารที่เรียกว่า เทอร์โมเจน (Thermogen) ซึ่งทำให้ร่างกายนำไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต (แต่ต้องออกกำลังกายด้วยนะครับ แค่จิบกาแฟแล้วนั่งเฉยๆ ยังไงก็ไม่ลด)
- กาแฟชงกับน้ำร้อน ให้พลังงานไม่เกิน 5 กิโลแคลอรี่ ที่ว่ากินกาแฟแล้วอ้วนก็มาจากพวกอุปกรณ์เสริมทั้งหลาย ได้แก่ น้ำตาล ครีม นม คาราเมล ฯลฯ ใส่เต็มที่แก้วโตๆ พลังงานต่อแก้วพุ่งสูงเป็นหลายร้อยกิโลแคลอรี่ทีเดียว มากกว่าข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว 1 จาน ด้วยซ้ำครับ
- สำหรับผมตอนนี้ กาแฟ กับ สารให้ความหวานซูคราโลส 1 ซอง ก็ได้กาแฟ 1 แก้ว ธรรมดาๆ ไม่หวานมันถึงใจ แต่ไม่เสียสุขภาพครับ
- แต่ถ้าใครยังติดรสชาติเหล่าอุปกรณ์เสริมอยู่ก็ให้ลองประมาณแคลอรี่ที่ได้ แล้วไปลดอย่างอื่นเอาครับ จะได้ไม่อ้วน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น