วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

น้ำตาล ทำให้แก่เร็ว : Limiting Sugar is Key for Longevity


    หลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องพิษภัยของน้ำตาลกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำให้อ้วน เป็นเบาหวาน หรือทำให้เราแก่เร็วขึ้น จริงๆแล้ว น้ำตาลคือสารจำเป็นที่สุดของชีวิต ตั้งแต่ เกิด แก่ ไปจนกระทั่ง เจ็บ ตาย น้ำตาลมีส่วนเกี่ยวข้องในวัฏจักรชีวิตของเราทั้งหมด ที่สำคัญ คือ เราควรควบคุมน้ำตาลได้ ไม่ใช่ปล่อยให้น้ำตาลมาควบคุมเรา ครับ

ประโยชน์ของน้ำตาลต่อร่างกาย

  • น้ำตาลมีหน้าให้พลังงาน สำหรับการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบการหายใจ การย่อยอาหาร  
  • ที่สำคัญคือ น้ำตาลเป็นอาหารของสมอง 
  • ร่างกายจะใช้พลังงานจากน้ำตาลก่อน แล้วค่อยหันไปใช้พลังงานจากไขมัน หรือโปรตีน

โทษของน้ำตาลต่อร่างกาย

น้ำตาลจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายก็ต่อเมื่อเรากินน้ำตาลมากเกินไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากการเสพติดความหวาน การกินที่เกินพอดี หรือการไม่รู้จักเลือกกิน ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะต่างๆ ดังนี้

1. โรคเบาหวาน (Diabetes) 

  1. เมื่อน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ที่เล็กพอจะเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ 
  2. ถ้าเราได้รับน้ำตาลในปริมาณสูง ระดับของน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้น ฮอร์โมนอินซูลินที่ถูกสร้างโดยตับอ่อน จะออกมาทำหน้าที่คอยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ 
  3. การที่เรากินน้ำตาลมากๆ ทุกวัน ตับอ่อนก็ต้องทำงานหนักเพื่อเร่งสร้างอินซูลิน นานๆเข้า ตับอ่อน ก็จะกลายเป็น ตับอ่อนล้า คือตับอ่อนเสื่อมจนผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอจที่ะไปคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ น้ำตาลในเลือดเลยสูง เกิดโรคเบาหวาน

2. เร่งความเสื่อมของร่างกาย(ทำให้แก่ชรา)

  1. เมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นประจำ จะเกิด ปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation) ที่จะไปเร่งกระบวนการเสื่อมของร่างกาย หรือเรียกง่ายๆว่า ทำให้แก่เร็วขึ้น นั่นเอง
  2. ไกลเคชั่น เกิดจากโมเลกุลของน้ำตาลไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบของเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกายเรา ทำให้เกิดสารขึ้นมากลุ่มนึง เรียกว่า AGEs (Advanced Glycation End-Products) ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย 
  3. เจ้า AGEs นี้ ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับเซลล์ร่างกายบริเวณไหนก็จะทำให้เซลล์บริเวณนั้นเสื่อม มีการทำงานที่แย่ลง
  4. เมื่อมี AGEs มาก และนานวันเข้า จะทำให้
  • เกิดการทำลายคอลลาเจนและใยโปรตีนที่ผิวหนังทำให้ เกิดริ้วรอย และจุดด่างดำ 
  • ทำให้เซลล์สมองเสื่อม เกิดโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's disease)
  • ผนังหลอดเลือดแดงจะแข็ง เปราะบาง และยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้ เกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease) ได้
  • เกิดความเสื่อมของตับอ่อน ทำให้ผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอ หรือผลิตได้แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน=โรคเบาหวาน
  • ถ้าไปทำปฏิกริยากับสายพันธุกรรม ก็จะทำให้การแบ่งตัวของเซลล์ผิดไปจากเดิม ทำให้ ร่างกายเสื่อมอย่างถาวร

แล้วควรทำยังไงดี?(ถ้าท่านเป็นคนติดหวาน)

1. ลดของหวานๆลง อันนี้ก็ตรงตัวคงไม่ต้องอธิบายมากมาย แต่มีเทคนิคเล็กๆน้อยๆ มาแนะนำครับ
  • ชิมก่อนเติมเครื่องปรุงทุกครั้ง เพราะบางทีคนทำอาหารเขาทำมาหวานแล้ว
  • เลือกกินผลไม้สดแทนขนมหวาน
  • ถ้าอยากขนมหวาน ให้เลือกที่เป็นขนมหวานธัญญพืช เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ลูกเดือย ข้าวโพด แต่อย่าบ่อย
2. บ้วนปากทุกครั้งหลังกินของหวาน เพราะรสชาติความหวานที่ติดลิ้นอยู่ จะทำให้อยากกินของหวานอย่างอื่นต่อไปอีก

3. ให้เวลากับร่างกายเรา ในการปรับสภาพการรับรู้รส ที่เคยเสพติดความหวาน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ ทำให้ช่วงแรกๆ จะรู้สึกว่าอาหารขาดรสหวานและไม่อร่อยเอามากๆ แต่พอเวลาผ่านไปร่างกายเราจะสามารถปรับตัวจนชินกับรสชาติอาหารที่ไม่หวานได้เองครับ

ขอสรุปส่งท้าย 


  • น้ำตาล มีทั้งคุณและโทษ ต่อร่างกายเรา กินเข้าไปเยอะๆ ร่างกายก็เสื่อม แก่เร็ว โรคภัยถามหา แต่ถ้าไม่กินเลยก็จะไม่ทันได้แก่ คงตายก่อน เพราะร่างกายเราใช้น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานเหมือนน้ำมันรถยนต์ แต่เราผู้เป็นเจ้าของรถก็มีหน้าที่เลือกเติมน้ำมันดีๆ ให้รถ คือ เลือกกินน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะจากอาหารคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท หรือธัญญพืช ที่มีใยอาหารเยอะๆ เป็นต้น ครับ
  • ถ้าไม่อยากแก่เร็ว ก็เริ่มลดน้ำตาลเสียตั้งแต่วันนี้เลยครับ

หมายเหตุ 


  • ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
  • สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google พิมพ์ vcanfit  เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ


1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ขออนุญาติเผยแพร่ต่อครับ

    ตอบลบ