วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รู้เท่าทัน ไขมันทรานส์


   มาทำความรู้จัก ไขมันทรานส์ (Trans Fat) กันครับ จะได้รู้เท่าทันอันตราย และป้องกันตัวได้

ไขมันทรานส์ คืออะไร
  • ไขมันทรานส์ คือ ไขมันที่ผ่านกระบวนการเพิ่มอะตอมไฮโดรเจนเข้าไปในโมเลกุลที่เรียกว่า ไฮโดรจิเนชั่น (Hydrogenation) ทำให้คุณสมบัติของไขมันเปลี่ยนแปลงไป โดยจะแข็งตัวมากขึ้น 
  • เหตุที่มีการนำไขมันไปเปลี่ยนเป็นไขมันทรานส์ ก็เนื่องจากไขมันทรานส์สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่เหม็นหืน ไม่เป็นไข ทนความร้อนได้สูง และมีรสชาติใกล้เคียงกับไขมันจากสัตว์ ที่สำคัญ คือ มีราคาถูกกว่า 
ไขมันทรานส์อยู่ที่ไหน
  • พบได้เล็กน้อยตามธรรมชาติในเนื้อสัตว์ และน้ำนมสัตว์
  • ได้จากกระบวนการทางเคมี หรือไขมันทรานส์สังเคราะห์ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยผู้ประกอบกิจการอาหารต่างๆ มักจะนำไขมันทรานส์มาใช้ประกอบอาหาร เพื่อประโยชน์ในเรื่องของรสชาติ รูปทรงของอาหาร และที่สำคัญคือ ลดต้นทุนการผลิตลง เช่น กลุ่มอาหารจานด่วนซึ่งใช้เป็นน้ำมันสำหรับทอดมันฝรั่ง ไก่ โดนัท หรือนำมาใช้ในกิจการเบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว ครีมเทียม และวิปปิ้งครีม เป็นต้น
ผลร้ายของไขมันทรานส์ต่อสุขภาพ
  • จากงานวิจัยชิ้นแรกๆเมื่อ ปี ค.ศ.1990 จนถึงปัจจุบัน สรุปได้ว่าเมื่อกินไขมันทรานส์เข้าไปแล้วจะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลตัวร้าย หรือ LDL cholesterol และ ลดระดับคอเลสเตอรอลตัวดี คือ HDL cholesterol ในร่างกายเรา 
  • การที่มันเข้าไปเพิ่มไขมันตัวร้าย และลดไขมันตัวดี เท่ากับร้ายกำลังสอง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Heart Disease, CHD) มากขึ้น
การป้องกันตัวจากไขมันทรานส์
  • อ่านฉลากโภชนาการทุกครั้ง(ฝึกให้เป็นนิสัย) โดยหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไขมันทรานส์ หรือ ที่ใช้น้ำมันซึ่งผ่านกระบวนการไฮโดรจิเนชั่น โดยสังเกตุข้อความว่า "partially hydrogenated oil"
  • ลด หรือ หลีกเลี่ยง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของเนยเทียม(margarine) หรือเนยขาว(shortening) เช่น ฟาส์สฟูด ขนมอบกรอบ เค้ก คุกกี้ รวมถึง ครีมเทียม ด้วย
  • หลายประเทศได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับไขมันทรานส์เป็นอย่างมาก โดยให้ประชาชนได้รับรู้ปริมาณไขมันทรานส์ที่มีอยู่ในอาหาร เมื่อเดือน พฤศจิกายน ค.ศ.2013 องค์การอาหารและยาของสหรัฐ(Food&Drug Administration,USFDA)ได้ประกาศเลิกใช้ไขมันทรานส์ในอาหารที่มีขายโดยทั่วไป การประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากมีกฎหมายท้องถิ่นของนิวยอร์ค และคาลิฟอร์เนียที่ห้ามใช้ไขมันทรานส์ในภัตตาคารในปี ค.ศ.2006 และ 2008 ตามลำดับ เมืองไทยเราเริ่มรณณรงค์กันแล้ว ต่อไปคงมีกฎหมายออกมาคุ้มครองพวกเราครับ
  • ขณะนี้บริษัทอาหารจานด่วนยักษ์ใหญ่หลายเจ้าได้เริ่มเปลี่ยนสูตรอาหารให้ไร้ไขมันทรานส์กันบ้างแล้ว
  • นอกจากพวกอาหารฝรั่งส่วนใหญ่ที่กล่าวมาจะเสี่ยงกับไขมันทรานส์แล้ว ก็อยากฝากให้ระวังอาหารแบบไทยๆ เราด้วย แม้จะถึงนมถึงเนยน้อยกว่า แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพเราได้ครับ อย่าง ปาท่องโก๋ และ กล้วยทอด ที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ เป็นต้นครับ
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ดังนั้น การไม่หาโรคมาใส่ตัวก็เป็นเหตุแห่งลาภนั้นครับผม

หมายเหตุ 


  • ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
  • สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google พิมพ์ vcanfit  เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น