วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ไข่แมงดาทะเล


    "ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่" สำหรับเรื่องนี้คงต้องเอามาประยุกต์เป็น "ดูแมงดาให้ดูหาง..." นั่นแหละครับ เรื่องนี้เหมาะสำหรับคอยำไข่แมงดาทะเล โดยเฉพาะตัวผมเองที่เห็นเป็นไม่ได้ ต้องสั่งมากินแน่ๆ ครับ

แมงดาเหมือนกัน..แต่ไม่เหมือนกัน!!

แมงดาทะเล สัตว์โลกล้านปี

  • แมงดาทะเลเป็นสัตว์ทะเลโบราณที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 200 ล้านปีมาแล้ว
  • จากฟอสซิลที่สำรวจพบมีลักษณะคล้ายกับแมงดาทะเลในปัจจุบันมาก
  • แมงดาทะเลเป็นสัตวที่ปรับตัวได้ดีมากต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
  • บริเวณชายฝั่งทะเลของไทย มีแมงดาทะเลอยู่ ๒ ชนิด คือ แมงดาจาน และ แมงดาถ้วย
  • แมงดาทั้งสองชนิดนี้พบมากที่สุดตามพื้นที่แนวชายฝั่งของทะเลตั้งแต่ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร จันทบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตลอดไปจนถึงชุมพร

แมงดาชนิดไหนกินได้ ชนิดไหนมีพิษ??

แมงดาจาน (แมงดาหางเหลี่ยม) :Triangle-Tail Horse-Shoe Crab

  • แมงดาจาน มีขนาดใหญ่กว่า แมงดาถ้วย
  • เส้นผ่านศูนย์กลางลำตัวประมาณ 20 ซม. ผิวด้านบนมีสีน้ำตาลอมเขียว
  • หางเป็นรูปสามเหลี่ยมซึ่งด้านบนมีสัน และมีหนามเรียงกัน เป็นแถวคล้ายฟันเลื่อย
  • พบตามพื้นทะเลห่างชายฝั่งทั่วไป
  • จะขึ้นมาผสมพันธุ์และวาง ไข่บนหาดทรายในช่วงเดือนเมษายน-สิงหาคม ทุกปี
  • แมงดาทะเลชนิดนี้ ยังไม่มีรายงานว่า กินแล้วเป็นพิษแต่อย่างใด  

แมงดาถ้วย (แมงดาหางกลม) : Round-Tail Horse-Shoe Crab

  • ชื่ออื่นๆ คือ เหรา (อ่านว่า เห-รา),แมงดาไฟ
  • มีขนาด เล็กกว่า แมงดาจาน
  • เส้นผ่านศูนย์กลางลำตัว ประมาณ 15 ซม. ผิวด้านบนมีสีน้ำตาล อมแดง
  • ส่วนท้องมีหนามทางด้านข้างจำนวน 6 คู่
  • หางค่อนข้างกลม ไม่มีสัน และไม่มีหนาม
  • พบตามชายฝั่งที่เป็นดิน โคลนหรือตามลำคลองที่เป็นป่าชายเลน พบทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งมหาสมุทรอินเดีย
  • สามารถวางไข่ได้ตลอดปี
  • แมงดาถ้วยนี้กินแล้วอาจเป็นพิษได้
  • ช่วงเดือน ก.พ. มิ.ย.จะมีการเจริญพันธุ์ของแพลงก์ตอนที่สร้างสารพิษจำนวนมาก แมลงดาถ้วยจะกินแพลงก์ตอนนี้ และพิษจะไปสะสมที่ไข่ เมื่อคนกินไข่แมงดาที่มีพิษเข้าไป จะเกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง และ รวดเร็ว ภายใน 10-45 นาที
  • สารพิษที่พบในไข่ของแมงดาถ้วย คือ เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) และ เซซิท็อกซิน (Sasitoxin) ซึ่ง เป็นพิษต่อระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ
  • อาการเมื่อได้รับพิษ คือ ชารอบปาก ลิ้นชา เวียนหัว ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ชาตามปลายนิ้วมือและเท้า และมีอาการอ่อนแรงของปลายมือและเท้า กลืนลำบาก หนังตาตก หยุดหายใจ และถึงกับเสียชีวิตได้
  • ถ้าพบว่าหลังจากที่กินแล้ว มีอาการชาที่ปาก หายใจไม่ออก รีบล้วงคอให้อาเจียนทันที แล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด การใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นการรักษาอาการเบื้องต้นเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้ หลังจากนั้นก็จะรักษาตามอาการ 
  • ใน เด็กเล็กจะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่
  • การต้ม ทอด ปิ้ง ไม่สามารถทำลายพิษได้ เนื่องจาก สารพิษสามารถทนความร้อนได้สูงมาก
  • ปัจจุบัน ยังไม่มียาแก้พิษจากแมงดาทะเลโดยเฉพาะ นะครับ

สรุปได้ว่า

  • แมงดาจาน กินได้ แต่ แมงดาถ้วย กินไม่ได้
  • วิธีดู ให้สังเกตที่ หาง
  • หางแมงดาจาน จะเป็นรูปสามเหลี่ยมซึ่งด้านบนมีสัน และมีหนามเรียงกัน เป็นแถวคล้ายฟันเลื่อย --> กินได้
  • หางแมงดาถ้วย ค่อนข้างกลม ไม่มีสัน และไม่มีหนาม --> กินไม่ได้
  • ถ้าจะกินไข่แมงดา ต้องให้เห็นตัวด้วยจะได้ดูหาง
  • ไข่แมงดา แบบที่ทำไว้แล้ว หรือ แกะใส่ถุงไว้แล้ว จะกินก็คงต้องเสี่ยงเอาละครับ แต่ผมไม่กล้า กลัวแจ้คพ็อตแตก
  • สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานว่าในช่วงหน้าร้อน ปี 2557 จ.ตราด พบผู้ได้รับพิษจากการกินไข่แมงดาถ้วย ถึง 17 ราย ครับ มีผู้เสียชีวิตด้วย

ปิดท้าย

    ตอนนี้ทุกครั้งที่จะกินยำไข่แมงดาของโปรด ผมต้องขอดูแมงดาที่เอามาทำ แบบว่า "ถ้าไม่ได้เห็นหางก็ยอมอดใจไม่กินดีกว่าครับ" 

หมายเหตุ 


  • ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
  • สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google พิมพ์ vcanfit  เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอมูลด้านบนไม่ถูกเสียหมดนะครับ เหรา ตัวจะเล็กกว่าแมงดาถ้วย และมีขนที่กระดองเยอะ
    กว่าแมงดาถ้วย ไข่แมงดาถ้วยจะเม็ดเล็กและอร่อยกว่าแมงดาจาน ถ้าจะทานแมงดาถ้วย จะมีเส้นขี้ ดำๆจากโคนหางยาวไปตรงกระบังลม เอาเส้นนั้นออกก็ทานได้

    ตอบลบ