วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

กระหล่ำปลี..มีดี..มีเสีย

ดูในข่าว เห็นตอนนี้ใครๆ ก็ไปหนาวอยู่กับหมู่เมฆที่ภูทับเบิกกัน ผมเคยไปเมื่อหลายปีก่อนโน้น ที่ประทับใจมากๆ คือ ไร่กระหล่ำปลีของชาวม้ง ที่ดูเหมือนจะเหมาภูเขาทั้งลูกปลูกกันเลยทีเดียว

กะหล่ำปลี : Cabbage

  • มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเมดิเตอเรเนียน และภายหลังได้แพร่กระจายทั่วไป 
  • ส่วนมากเราจะเห็น กะหล่ำปลีสีเขียว แต่สีอื่น ๆ ก็มีด้วย เช่น ขาว ม่วง และแดง
  • กะหล่ำปลี มีอยู่ 3 ชนิด คือ กะหล่ำปลีธรรมดา , กะหล่ำปลีแดง (โตได้ในที่อากาศเย็น) และกะหล่ำปลีใบย่น (ต้องมีอากาศหนาวเย็นมากๆ)

ประโยชน์

  • เรากินกระหล่ำปลีทั้งดิบและสุก เช่นกินกับส้มตำ น้ำพริก สลัด ผัด ต้มจืด กระหล่ำปลีทอดน้ำปลา ฯลฯ
  • กะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูงมาก(กินดิบ)  และยังมี วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินอี  เบต้าแคโรทีน โฟเลต ธาตุเหล็ก โปแตสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้นครับ 
  • มีสารซัลเฟอร์ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำใส้ใหญ่ และยังมีเส้นใยอาหาร ทำให้ขับถ่ายดี 
  • มีสารอินโดลฟลาโวนอยด์ คาร์บินอล ซัลฟาราเฟน กลูโคซิโนเลต ว่ากันว่ามีผลช่วยลดการก่อตัวของมะเร็ง

ข้อควรระวัง

  1. กะหล่ำปลี(ดิบ) มีสาร กอยโตรเจน (Goibrogen) ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมของไอโอดีน อาจทำให้เป็นคอหอยพอกได้ แต่เจ้าสารนี้จะถูกทำลายโดยความร้อน ดังนั้นการกินแบบสุกจะดีกว่า แต่ถ้าเราไม่ได้ตะบี้ตะบันกินกระหล่ำปลีดิบทุกวัน วันละเยอะๆ ก็ไม่ค่อยเกิดผลเสียหรอกครับ ไม่ต้องกังวลไป ยังกินดิบได้อยู่ครับ   
  2. สิ่งที่ควรระมัดระวังมากกว่า คือ เรื่อง ยาฆ่าแมลงตกค้าง เนื่องจากกะหล่ำปลีติด 1 ใน 5 ผักที่มีสารปนเปื้อนมากที่สุด ต้องล้างให้ดีๆ

หมายเหตุ

  • ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
  • สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้าGoogle พิมพ์ vcanfit  เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น