วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

หวานเกินไป...ไม่ดีแน่

เพื่อนผมตนหนึ่ง เธอเป็นตนที่ "อ่อนหวาน" มากๆ คือ กินอะไรก็ยังไม่หวานถูกใจ ต้องเติมน้ำตาลเพิ่มทุกครั้ง เคยลองชิมน้ำก๋วยเตี๋ยวในชามที่เธอปรุงได้ที่แล้ว ถึงกับอึ้งว่า มันต้องหวานขนาดนี้เลยรึ??!!

น้ำตาล 

  • คือสารจำเป็นที่สุดของชีวิต ตั้งแต่ เกิด แก่ ไปจนกระทั่ง เจ็บ ตาย 
  • น้ำตาลมีส่วนเกี่ยวข้องในวัฏจักรชีวิตของเราทั้งหมด ที่สำคัญ คือ เราควรควบคุมน้ำตาลได้ ไม่ใช่ปล่อยให้น้ำตาลมาควบคุมเรา ครับ
  • มีหน้าให้พลังงาน สำหรับการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบการหายใจ การย่อยอาหาร และที่สำคัญมากๆเลย คือ น้ำตาลเป็นอาหารของสมอง
  • ร่างกายจะใช้พลังงานจากน้ำตาลก่อน แล้วค่อยหันไปใช้พลังงานจากไขมัน หรือโปรตีน

โทษของน้ำตาลต่อร่างกาย

  • น้ำตาลจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายก็ต่อเมื่อเรากินน้ำตาลมากเกินไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากการเสพติดความหวาน การกินที่เกินพอดี หรือการไม่รู้จักเลือกกิน ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะต่างๆ ดังนี้

1. โรคเบาหวาน (Diabetes)

  • เมื่อน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ที่เล็กพอจะเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้
  • ถ้าเราได้รับน้ำตาลในปริมาณสูง ระดับของน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้น ฮอร์โมนอินซูลินที่ถูกสร้างโดยตับอ่อน จะออกมาทำหน้าที่คอยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
  • การที่เรากินน้ำตาลมากๆ ทุกวัน ตับอ่อนก็ต้องทำงานหนักเพื่อเร่งสร้างอินซูลิน นานๆเข้า ตับอ่อน ก็จะกลายเป็น ตับอ่อนล้า คือตับอ่อนเสื่อมจนผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอจที่ะไปคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ น้ำตาลในเลือดเลยสูง เกิดโรคเบาหวาน

2. เร่งความเสื่อมของร่างกาย(ทำให้แก่ชรา)

  • เมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นประจำ จะเกิด ปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation) ที่จะไปเร่งกระบวนการเสื่อมของร่างกาย หรือเรียกง่ายๆว่า ทำให้แก่เร็วขึ้น นั่นเอง
  • ไกลเคชั่น เกิดจากโมเลกุลของน้ำตาลไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบของเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกายเรา ทำให้เกิดสารขึ้นมากลุ่มนึง เรียกว่า AGEs (Advanced Glycation End-Products) ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย
  • เจ้า AGEs นี้ ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับเซลล์ร่างกายบริเวณไหนก็จะทำให้เซลล์บริเวณนั้นเสื่อม มีการทำงานที่แย่ลง
  • เมื่อมี AGEs มาก และนานวันเข้า จะทำให้เกิดการทำลายคอลลาเจนและใยโปรตีนที่ผิวหนังทำให้ เกิดริ้วรอย และจุดด่างดำ
  • ทำให้เซลล์สมองเสื่อม เกิดโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's disease)
  • ผนังหลอดเลือดแดงจะแข็ง เปราะบาง และยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้ เกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease) ได้

แล้วควรทำยังไงดี?

1. ลดของหวานๆ ลง 

  • ชิมก่อนเติมเครื่องปรุงทุกครั้ง เพราะบางทีคนทำอาหารเขาทำมาหวานแล้ว
  • เลือกกินผลไม้สดแทนขนมหวาน
  • ถ้าอยากขนมหวาน ให้เลือกที่เป็นขนมหวานธัญญพืช เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ลูกเดือย ข้าวโพด แต่อย่าบ่อย

2. บ้วนปากทุกครั้งหลังกินของหวาน 

  • รสชาติความหวานที่ยังติดลิ้นอยู่ จะทำให้อยากกินของหวานอย่างอื่นต่อไปอีก

3. ให้เวลากับร่างกายเรา ในการปรับสภาพการรับรู้รส 

  • อาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ 
  • ช่วงแรกๆ ถ้าไม่เติมน้ำตาลเพิ่ม จะรู้สึกว่าอาหารขาดรสหวาน และไม่อร่อยเอามากๆ แต่พอเวลาผ่านไปร่างกายเราจะสามารถปรับตัวจนชินกับรสชาติอาหารที่ไม่หวานได้เองครับ

ส่งท้าย

  • น้ำตาล มีทั้งคุณและโทษ ต่อร่างกายเรา กินเข้าไปเยอะๆ ร่างกายก็เสื่อม แก่เร็ว โรคภัยถามหา แต่ถ้าไม่กินเลยก็จะไม่ทันได้แก่ คงตายก่อน เพราะร่างกายเราใช้น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานเหมือนน้ำมันรถยนต์ แต่เราผู้เป็นเจ้าของรถก็มีหน้าที่เลือกเติมน้ำมันดีๆ ให้รถ คือ เลือกกินน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะจากอาหารคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท หรือธัญญพืช ที่มีใยอาหารเยอะๆ เป็นต้น ครับ
  • ถ้าไม่อยากแก่เร็ว ก็เริ่มลดน้ำตาลเสียตั้งแต่วันนี้เลยครับ

หมายเหตุ

  • ทุกเรื่องราวของ vcanfit ท่านสามารถแขร์ได้เลย ไม่มีหวง จะได้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้คนในวงกว้าง ครับ
  • สงสัยเรื่องอาหาร/สุขภาพ อยากได้คำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ที่อิงหลักวิชาการ ลองเข้า Google พิมพ์ vcanfit  เว้นวรรค แล้วพิมพ์ คำที่ต้องการหา (เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้) จากนั้นกด ENTER ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น